Curse of The Golden Flower จีนถัดมาวงศ์สกุลถังศตวรรษที่ 10 ในวันเทศกาล Chong Yang ดอกไม้สีทองคำจะเต็มวังอิมพีเรียล จักรพัตราธิราช (Chow Yun Fat) กลับมาพร้อมทั้งลูกชายผู้ที่สองของเขาอย่างไม่คาดคิดพระราชโอรสไจ้ (Jay Chou) ข้อแก้ตัวของเขาเป็นการเฉลิมฉลองวันหยุดกับครอบครัวของเขา แต่ว่าเพราะว่าความเกี่ยวพันที่เย็นชาระหว่างจักรพัตราธิราชรวมทั้งพระราชินีคนป่วย (กงลี่)

สิ่งนี้ดูเหมือนจะขัดแย้ง ตรงเวลานับเป็นเวลาหลายปีที่พระราชินีแล้วก็องค์รัชทายาทวาน (หลิวเย่) ลูกบุญธรรมของคุณมีความข้องเกี่ยวที่ไม่ถูกกฎหมาย เมื่อรู้สึกติดกับดักพระราชโอรสวานก็เลยฝันที่จะหนีออกมาจากวังไปกับรักลับๆของเขาเฉลียง (หลี่มาน) บุตรสาวของจักรพัตราธิราชแพทย์ ในเวลาเดียวกันพระราชโอรสจิตใจลูกชายผู้ซื่อสัตย์สุจริตก็ไม่ค่อยสบายใจ

เรื่องสุขภาพของพระราชินีแล้วก็ความคลั่งไคล้ในดอกต้นเบญจมาศสีทองคำ Curse of The Golden Flower คุณจะมุ่งไปสู่ทางที่เป็นลางร้ายได้ไหม? เพระราชาธิราชมีแผนในการลับเท่าๆกัน แพทย์อิมพีเรียล (Ni Dahong) เป็นองคมนตรีเพียงผู้เดียวสำหรับในการทำงานของเขา เมื่อพระราชาธิราชสัมผัสได้ถึงภัยรุกรามที่กำลังจะเกิดขึ้นเขาก็เลยย้ายครอบครัวของแพทย์จากวังไปที่

Curse of The Golden Flower

รีวิว ดูหนัง Curse of The Golden Flower (2006) ศึกโค่นบัลลังก์วังทอง

ออกฉายวันหลัง The Banquet ของผู้กำกับ “เผิง เพื่อนกัง” หนึ่งปี แม้กระนั้นหนังแอ็กชันกำลังภายในเรื่องลำดับที่สาม ของผู้กำกับ “จางอี้โหมว” ประเด็นนี้ กลับมีความนัยบางสิ่งบางอย่างที่ตรงกันอย่างแปลกระหว่างที่ใน The Banquet สมัยโบราณฮองเฮาอย่างจางซื่อยี่ พยายามทุกแนวทางเพื่อตัวเองได้อำนาจมาถือสิทธิ์

แล้วหลังจากนั้นก็ลูกชายองค์โตของฮ่องเต้องค์ก่อน ซึ่งที่สุดแล้ว แม้ว่าจะได้ซึ่งอำนาจ แต่นางก็ต้องสูญเสียอะไรเทียวไปเทียวมากมาย จนกระทั่งชายนางรัก ขณะเดียวกันอำนาจที่ได้มา ก็อยู่กับนางเพียงแต่ช่วงสั้นๆซึ่งกับเรื่องราวก็ไม่ต่างกัน ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเกี่ยวพันอยู่กับอำนาจ กิเลส กิเลส และความรัก แล้วหลังจากนั้นก็จบลงด้วยโศกการแสดง

แม้ว่าจะผิดแผกก็ตรงที่ ฮ่องเต้ใน ก็คือคนที่มีอำนาจ แล้วก็ทุกอย่างอยู่ในมือ ซึ่งขยันหมั่นเพียรทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อไม่ให้ตกไปอยู่ในมือผู้ใด ถึงแม้ว่าตอนท้ายแล้ว จะก่อให้ตัวเองแปลงเป็นคนกระโจนเดียว ที่ชอกช้ำระกำใจที่สุดในโลกก็ตาม คืนก่อนเทศกาลบูชาบรรพบุรุษรวมทั้งครอบครัว ให้ไม่มีอันตราย หรือ “เทศกาลฉงหยวน”

ฮ่องเต้ และองค์ชายรองที่ไปรบกองทัพจับศึกมา รีบร้อนสเด็จกลับมาถึงพระราชสำนัก เพื่อจัดแจงร่วมงาน แม้กระนั้นถึงจะมีงานสำคัญที่บอกถึงความหมายของครอบครัว สภาพการณ์ต่างๆในพระราชสำนัก กลับมิได้เป็นไปตามจุดมุ่งหมายของงานที่กำลังมีขึ้น เมื่อตัวฮ่องเต้เองก็วางยาทำลายระบบประสาทให้ฮ่องเฮารับประทานอยู่ทุกสองสารเลวยาม โดยมีหมอหลวงประจำวังเป็นผู้จัดการ ส่วนองค์รัชทายาท หรือบุตรองค์โตของฮ่องเต้ซึ่งเป็นลูกติดมา

ก็แอบคบชู้สู่ชายกับฮองเฮา ซึ่งเป็นแม่เลี้ยง ในขณะเดียวกันก็ยังมีความเชื่อมโยงกับนางสนมกำนัลคนคุ้นเคย ที่เป็นลูกผู้หญิงของหมอหลวงอีกด้วย หากแม้ไม่ว่าตัวเองจะร้ายกาจ เน่าขนาดไหน Curse of The Golden Flower ทุกคนก็แกล้งเป็นเช่นเดียวกันกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเรื่องราวทุกอย่างเริ่มตึงเครียด เมื่อฮองเฮาทราบจากสายในสังกัดว่าตัวเองถูกวางยา

ส่วนสายคนที่ว่า โดยความเป็นจริงแล้วหลังจากนั้นก็เป็นองค์การอนามัยโลกหยินของหมอหลวง ที่มีบางอย่างเกี่ยวพันกับฮ่องเต้หัวข้อการลอบวางยาถูกเล่าต่อไปยังองค์ชายรอง ด้วยความโกรธก็เลยตกลงปลงใจจะล้มราชบัลลังก์ เพื่อช่วยแม่ ส่วนสายของฮองเฮากลับถูกฮ่องเต้จับได้ แม้กระนั้นแทนที่จะสั่งลงโทษ ท่านกลับส่งหมอหลวงไปดูแลเมืองที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงแทน ซึ่งหมายความว่านาง และก็บุตรีจำเป็นจะต้องเดินทางตามติดสามีไปด้วยดูเหมือนกับว่าเรื่องทุกอย่างจะจบ

ถ้าเกิดแต่สิ่งที่เห็น ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เป็น และหลังจากนั้นก็ให้เทศกาลฉงหยวนในครั้งนี้ ก็ได้มีขึ้นสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความหมายของมันอย่างมากรวมถึง “อำนาจ” เมื่อได้มา ถ้าหากจะรักษาไว้ ก็จำเป็นที่จะต้องแลกด้วยสิ่งต่างๆเยอะแยะ แล้วก็ในที่นี้ก็แสดงว่า “ครอบครัว” ที่จะจำเป็นต้องล่มสลาย ในเมื่อคนที่อาศัยอยู่ภายในครอบครัวเดียวกัน ต่างลุ่มหลงลุ่มหลง หรือถือมั่นในสิ่งต่างๆมากจนเกินไป ฮ่องเต้ต้องการปกป้องรักษาบริเวณใบหน้า และอำนาจล้นฟ้าในมือถือมั่นในความโกรธกระทั่งแปลงเป็นความแค้น

ฮองเฮาลุ่มหลงในความรัก และจากนั้นก็ต้องการปกป้องตัวเอง องค์รัชทายาทลุ่มหลงในกามราคะ องค์ชายรองถือมั่นในความกตัญญูกตเวทีต่อมารดาหมอหลวงต้องการความเจริญรุ่งเรืองทางหน้าที่การงาน องค์การอนามัยโลกหยินต้องการล้างแค้นฮ่องเต้ ความต้องการของทุกคน ที่เป็นสาเหตุของการเกิดการกระทำต่างๆล้วนส่งผลเกี่ยวกับคนรอบข้าง จนกระทั่งกับคนที่ไม่น่าจะได้รับโทษอะไรอย่าง “ลูกชายองค์เล็ก” ที่ถูกใจถูกกันไปเป็นคนข้างนอกเสมอ

หรือบุตรหญิงของหมอหลวงที่บังเอิญหลงเสน่ห์ในตัวองค์ใหญืใหญ่ด้วยเหมือนกันทุกคนที่อยู่ในวังวนนี้ ล้วนหนีไม่พ้นผู้กำกับ จางอี้ โหมว เล่าของ ที่เปลี่ยนแปลงมาจากบทละครจีนเรื่อง Thunderstorm ได้อย่างเบิกบาน และน่าสนใจ ซึ่งแม้ว่าจะเป็นบทละครจีนแต่จะว่าไปสาระสำคัญที่ได้แลเห็นก็คือสิ่งที่เป็นสากล

เมื่อพูดถึงเรื่องของการเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ เป็นใครบางคนที่เต็มล้นไปด้วยอำนาจในมือ กลับว่างเปล่าคนรอบข้างกาย จนกระทั่งขาดไม่มีซึ่งคนที่ตัวเองเชื่อใจ ไม่ได้มีความแตกต่างกับการอยู่ในสภาพการณ์ “ยิ่งสูงยิ่งหนาว” ต้องพบเห็นกับการสูญเสียในสิ่งที่ตัวเองรัก พบเห็นกับการทรยศหักหลังของคนที่ไว้ใจ รวมทั้งจำต้องดำรงชีพอยู่ด้วยความหวาดระแวง

Curse of the Golden Flower (2006) - Filmaffinity

บทของ ดูหนัง ออนไลน์ Curse of The Golden Flower เต็มเรื่อง

เต็มไปด้วยการเสียดสีเย้ยหยันภาพที่ความสบาย ซึ่งตามที่เป็นจริงแล้วสิ่งที่เป็นกลับไม่ใช่อย่างที่เห็นในภาพบทประพันธ์ก่อนบอกนาฬิกายามที่พูดพร่ำพรรณาถึงเรื่องราวความพร้อมเพรียง ความรัก ความสุขสำราญของคนเรา กลับไม่ใช่สิ่งที่เกิดขึ้นจริงๆในวัง ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนแล้วแต่เป็นการสร้างภาพให้ดูดี

ซึ่งเห็นได้ชัดตอนหลังการรบช่วงท้ายเรื่องเสร็จ ศพก็ถูกยกออกในทันทีทันใด และน้ำก็ถูกเอามาชำระล้างคาวเลือดที่ไหลท่วมเต็มมัวงพื้น ต่อไปดอกต้นเบญจมาศนับร้อย นับพัน ก็ถูกเอามาจัดวางเช่นเดียวกันกับไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น โต๊ะรับประทานถูกเตรียมการแม้มีบุคคลที่อาศัยอยู่ในครอบครัวพึ่งจากไป รวมทั้งคนร่วมโต๊ะต่างก็มีความตั้งใจที่จะฆ่ากันและกันเบื้องหลังภาพที่สวยสดงดงาม เบื้องหลังบทประพันธ์ร้องเพลงถึงความสบาย ใช่ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริง จะเป็นตัวอย่างเช่นอย่างที่ได้ยิน ได้แลเห็นซะเวลาใด

กับความสวยสดงดงาม ความงดงามสดของเสื้อผ้า หรือจนกระทั่งกับตัวพระราชวังก็ด้วยเหมือนกัน ไม่ได้หมายความว่าผู้ใส่ รวมทั้งผู้ที่อาศัยอยู่จะเต็มไปด้วยจิตใจที่งดงาม ดังเช่นสิ่งที่หุ้มห่ออยู่ข้างนอกหรือก็ไม่ . . กลเม็ดเด็ดพรายที่มองดูเปิดเผยโออ่า ก็ไม่ได้มีความหมายว่าจะเป็นคนไม่มีลับลมคมในอะไร

ยิ่งได้ช่องมนักแสดงชั้นดีเลิศมาช่วยเสริม Curse of the Golden Flower ก็เลยกลายเป็นความเข้มข้นที่ถึงรสในอารมณ์ของดราม่าเยอะขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการแสดงที่หนักแน่นของกงลี่ ที่เป็นศูนย์กลางของหนังมาตลอด จนกระทั่งดูท่าว่าจะข่มโจวเหวินฟะเสียมิดมาอีกทั้งเรื่อง แม้กระนั้นในฉากสุดท้ายที่โต๊ะรับประทาน ไม่ว่าจะเป็นน้ำเสียงที่บอกออกมา (สำหรับท่านที่มองในเสียงต้นฉบับภาษาจีน)

สายตา และท่าทางที่แสดงออกมา เห็นได้ชัดว่าโจวเหวินฟะเอาคืนได้ครบทั้งต้นทั้งยังดอก ถือว่าเป็นฉากที่ควรต้องซื้อกันเลยก็ว่าได้ค่อนจะน่าแปลกใจอยู่บ้าง ที่หลังจากด้านหลังความหวือหวา พิศดาร และสวยตลอดมาสำหรับฉากแอ็คชั่น ทั้งยังใน Hero และจากนั้นก็ House Of Flying Daggers แม้กระนั้นใน แม้กระนั้น

Curse of the Golden Flower จางอี้โหมวกลับเน้นไปความดิบ และป่าเถื่อนแทน แต่ถ้าเกิดมองเห็นถึงนัยที่มานะบากบั่นนำเสนอมาตลอดทั้งเรื่อง ยิ่งฉากรบรุนแรง ร้ายกาจ แล้วหลังจากนั้นก็ทารุณโหดร้ายเท่าไร ก็ยิ่งแลเห็นขัดกับท่าทางของดารา ความสวยสดงดงามของชุดแต่งตัวและสถานที่เยอะขึ้นซึ่งล้วนแต่ขับย้ำความโหดเหี้ยมร้ายกาจในจิตใจคน

ให้ชัดในความรู้สึก รวมทั้งลึกกว่าที่แลเห็นมากเท่าไรนัก ตอนที่ The Banquet ของเผิง เพื่อนพ้องกัง นำเด่นมาด้วยสไตล์ รวมทั้งลีลาท่าทาง จนถึงดูกลายเป็นหนังชั้นเชิง เมื่อเทียบกับ ที่หากแต่ว่ากันตรงๆเน้นๆแล้วก็ซุกซ่อนนัยต่างๆไว้ภายในที่ๆสามารถมองเห็นได้แจ่มกระจ่างถนัดชัดเจน แม้ว่าหนังทั้งสองเรื่องของผู้กำกับดังจากแผ่นดินใหญ่ ต่างก็พูดถึงสิ่งที่ไม่แตกต่างกัน

Curse of the Golden Flower (2006) - Movie Review : Alternate Ending

“อำนาจ” ที่ผู้คนจำนวนมากอยากได้

ถึงแม้ตอนท้ายแล้วอาจจะได้ชิมรสมันแค่เพียงชั่วระยะเวลาอันสั้น หรือบางครั้งก็อาจจะจึงควรกลายเป็นคนสันโดษที่ชอกช้ำระกำใจที่สุดในโลก ซึ่งไม่ว่าจะจบในจุดใด ล้วนแล้วแต่ไม่เคยให้ความสบายที่แท้จริงเลยแม้แต่น้อย แล้วยังจะห่วงหา ไขว่คว้ากันไปเพราะอะไร ถึงแม้อาจจะส่งผลให้ใครๆผิดหวัง

ถ้ามั่นหมายจะได้มองฉากแอ็คชั่นตื่นตาตื่นใจ หรือพบปรัชญายิ่งใหญ่แบบใน Hero เนื่องจากใน เล่าถึงหัวข้อเล็กๆด้านในส่วนประกอบอันใหญ่มหึมา  ของเรื่องราวในครอบครัวๆหนึ่งเท่านั้นเอง เว็บรีวิวพนัน เดิมพันออนไลน์ ที่ถูกความดำมืดหมองในจิตใจที่มีทั้งความรังเกียจ ความแค้น ความอิจฉาริษยา เข้าครอบครอง

รวมทั้งกัดกร่อนความเป็นคนจนกระทั่งแทบไม่เหลือหรอ และสำหรับคอหนังที่ชอบอกชอบใจหนังหนักเนื้อหา แฝงวาระปกปิด และก็เต็มไปด้วยการเชือดเฉือนบทกันอย่างถึงใจถึงอารมณ์ อย่างได้ “เนื้อ” และก็ได้ “หนัง” จัดเป็นหนังระดับสมรรถนะที่”ห้ามพลาด” เป็นอย่างยิ่งจ้ะ

Be clear in your feelings And how much deeper than meets the eye? When Peng’s The Banquet, Friends and Friends Bringing the spotlight with style including gestures Until it becomes a movie. compared to which, if spoken directly and emphatically, conceal various meanings within a place that can be seen clearly and clearly Although both films are produced by famous directors from the mainland, They all talked about different things.

My Review

Review Form...

Reviews

Loading Reviews...